นโยบาย ดร.สมชอบ นิติพจน์


1.ส่งเสริมและสนับสนุนประเพณีไหลเรือไฟ ให้ยิ่งใหญ่สู่ระดับโลก
2.โครงการทำนา 1 ไร่ ได้ 1 แสน
3.โครงการถนนดีไม่มีหลุม
4.โครงการประกวดนักร้องลูกทุ่งสานฝัน เทิดไท้องค์ราชัน
5.โครงการร้อนนี้เพื่อลูกรัก อบรมเยาวชนลูกหลาน ชาวนครพนม
6.โครงการฟุตบอล อบจ.ลีกคัพ เป็นการยกระดับมาตรฐานกีฬาฟุตบอล จังหวัดนครพนม
7.โครงการห้องเรียนอัจฉริยะ นวัตกรรมทางการศึกษา
8.สนับสนุนและการส่งเสริมกิจกรรมของผู้พิการและด้อยโอกาสให้มีศักยภาพและโอกาสมากยิ่ง
9.รถ EMS รถฉุกเฉิน ส่งต่อผู้ป่วย ช่วยอุบัติเหตุ
10.สนับสนุนและส่งเสริมกีฬา อาทิ -สโมสรฟุตบอลนครพนมเอฟซี -การแข่งขันกอล์ฟไรเดอร์ กอล์ฟอินโดจีน -ชมรมแบดมินตัน -ชมรมจักรยาน –ชมรมวิ่ง -ชมรมมอเตอร์ไซต์วิบาก -ชมรมยิงปืน ฯลฯ
11.โครงการตั้งโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า ชีวมวล เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร
12.โครงการ ตั้งโรงเรียนกีฬา เพื่อส่งเสริมเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษด้านกีฬา นอกจากเน้นการฝึกซ้อมกีฬาเพื่อความเป็นเลิศแล้ว เราจะสอนเสริม ด้านภาษา ด้านไอที และดนตรี เสริมให้นักเรียนที่อยู่ในความดูแล มีความรู้ความสามารถพิเศษติดตัวไปตลอด
13.นครพนมเมืองกีฬา
14.นครพนมศูนย์กลางการค้าอินโดจีน ตลาดสดอาหารทะเล

08 สิงหาคม 2552

สยามรัฐ สัมภาษณ์พิเศษ

ดร.สมชอบ นิติพจน์ นายก อบจ.นครพนม
ลุยงานเต็มที่หลังพ้นบ่วงใบแดง



“ดร.สมชอบ นิติพจน์”นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)นครพนม นักการเมืองท้องถิ่นที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อพัฒนาพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ยาวนานหลาย สิบปี เริ่มตั้งแต่เป็น ส.อบจ.นครพนม ก่อนก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้รองนายก อบจ.นครพนม ถึง 2 สมัย เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานอย่างเต็มที่

กระทั่งมีโอกาสลงสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา โดยผลการเลือกตั้ง “ดร.สมชอบ” ด้รับความ เชื่อมั่นจากประชาชนทั้ง 12 อำเภอ เทคะแนนให้ชนะการเลือกตั้ง ไปตามคาดหมาย โดยหวังที่จะเดินหน้าพัฒนาท้องถิ่น ให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

แต่เส้นทางการเมืองมักไม่ราบรื่น หลังชนะการเลือกตั้ง ได้มีคนร้องเรียนต่อ กกต.ประจำจังหวัดนครพนม กรณีวุฒิการศึกษาดี “ดอกเตอร์” ที่จบจากประเทศอินเดีย กล่าวหาว่าได้วุฒิการศึกษามาไม่ชอบ พร้อมกล่าวอ้างหลอกลวงในการหาเสียง เพื่อหวังต่อผลคะแนในการเลือกตั้ง ในที่สุดผลการตรวจสอบก็ออกมาว่า ได้จบการศึกษาระดับ ดร. จริง

ไม่เพียงเท่านั้น ดร.สมชอบ ยังถูกร้องเรียนอีกครั้ง โดยกล่าวหาว่าทุจริตเลือกตั้ง กระทั่ง กกต.กลาง มีคำสั่งให้ใบแดง เมื่อเดือน ธันวาคม 2551 ทำให้ตำแหน่งนายกที่คาดหวังมานาน แทบจะมองไม่เห็นถึงอนาคตการเมือง แต่ยังดีที่กฎหมายเปิดโอกาสให้แสดงความบริสุทธิ์ด้วยการยื่นฟ้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 ขอให้มีการพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง เป็นเวลายาวนานเกือบ 1 ปี จนในที่สุด ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ยกคำร้องกรณี กกต.ให้ใบแดง

ทำให้ ดร.สมชอบ ได้มี โอกาสนั่งตำแหน่งนายก อบจ.นครพนม อีกครั้ง ท่ามกลางความบอบ ช้ำบนเวทีการเมือง ที่ต่อสู้ กับอุปสรรค ปัญหา ตั้งแต่รับตำแหน่ง เป็นบทเรียนการเมืองราคา แพง และเกิดความสูญเสียต่อการพัฒนาท้องถิ่นนครพนม เกินที่จะประเมินได้ ทำให้เวลาที่เหลือ ดร.สมชอบ พร้อมที่จะชดเชยเร่งพัฒนาท้องถิ่น กับเวลาการทำงานที่เหลือ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้ประชาชนเป็นหลัก

“สิ่งที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นถึงปัญหาและ ข้อบกพร่องของ กกต.กลาง ในการพิจารณาไต่สวน เพิกถอนสิทธิ์ แม้จะได้ความยุติธรรมจากศาลอุทธรณ์ ยกคำร้อง แต่สิ่งสำคัญคือระยะเวลา ในการพัฒนาบ้านเมือง ในช่วงระหว่างการพิจารณาไต่สวน นานร่วม 1 ปี ทำให้เกิดความเสียหายเกินที่จะชดเชยได้ การทำโครงการต่างๆ ที่จะแก้ไข ความเดือดร้อนของประชาชนต้องล่าช้า แล้วถามว่าใครจะรับผิดชอบ จึงอยากให้เป็นกรณีตัว อย่างให้นักการเมืองทุกระดับหันมาพิจารณา การทำงานของ กกต. ที่เห็นว่าควรมีการแก้ไข”

นายก อบจ.นครพนม บอกอีกว่า กกต.มาจากน้ำหลากสี โอกาสที่จะเข้ากันได้ยาก อีกทั้งให้อำนาจ กกต.มากเกินไป ที่ดูแลการเลือกตั้งทุกระดับเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง โดยเฉพาะการให้อำนาจ กกต.ตัดสินชี้ขาดความผิด ก่อน และหลังเลือกตั้ง 30 วัน ซึ่งถือเป็นที่สุด นั้นจะต้องแก้ไข สำคัญอยากให้ทุกฝ่ายได้มองเห็นว่าปัญหาเหล่านี้ ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย

ดร.สมชอบ กล่าวอีกว่า เวลาที่เหลือจะเร่งดำเนินโครงการต่างๆ เน้นแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เริ่มจาก การเข้าไปสำรวจแก้ไขปัญหาเรื่อง แหล่งน้ำ ให้ประชาชนสามารถนำมาใช้ในการเกษตรทุกฤดูกาล และป้องกัน การเกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรด้วย โดยจะมีการขุดลอกลำห้วย หนองน้ำ รวมถึงการทำ คลองส่งน้ำไปยังพื้นที่การเกษตร ที่จะเป็นการช่วยเกษตรกรสามารถทำการเกษตร หรือปลูกข้าวได้ตลอดปี มีรายได้ที่ยั่งยืน โดยตั้งเป้าจัดสรรงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท แก้ปัญหาตามลำดับความเดือดร้อน

“นโยบายสำคัญที่ อบจ.นครพนม จะต้องเตรียม พร้อม คือการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยว ร่วมกับทุกภาคส่วน รองรับสะพานแห่งที่ 3 นครพนม- คำม่วน ที่จะแล้วเสร็จประมาณ 2 ปี ข่างหน้า ซึ่งจะเป็นเส้นทางเชื่อมไปยังอินโดจีนที่ใกล้ที่สุด เป็นจุดแข็งในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว ให้นครพนมได้รับประโยชน์เต็มที่ ส่งผลดีต่อความเป็นอยู่ของประชาชนตามมา”

นายก อบจ.นครพนม กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความท้อแท้ บั่นทอน อุดม การณ์ทางการเมือง ที่มุ่งมั่นมายาวนาน พร้อมจะใช้ระยะเวลาที่เหลือเดินหน้าพัฒนาท้องถิ่น ให้สมกับประชาชนไว้ใจ ให้โอกาสเข้ามาทำงานในตำแหน่งนายก แต่ที่สำคัญปัญหาที่เกิดขึ้นอยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง ให้ทุกฝ่าย หันมาหาทางแก้ไข ทบทวน เพราะหากสนาม การเมืองทุกระดับ ยังต้องการแค่เอาชนะ แก่งแย่งชิงตำแหน่ง โดยไม่มองถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน สิ่งที่ตามมาคือ ความล่าช้าในการพัฒนา สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน แล้วถามว่าใครจะรับผิดชอบ

สราวุฒ สุดสงวน/นครพนม-

จากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ 5 สิงหาคม 2552