ดร.สมชอบ นิติพจน์ นายกองค์การบริหารส่วนนครพนม 2 สมัย ล่าสุด ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยมีนโยบายสานงานต่อ ก่องานใหม่ เพื่อพัฒนานครพนมในทุกมิติ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน คุณภาพชีวิต การศึกษา กีฬา และวัฒนธรรมประเพณี
งานใหญ่ที่จะต้องดำเนินการในเร็วๆ นี้ คือเทศกาลออกพรรษาและงานไหลเรือไฟประจำปี 2555 โดย ดร.สมชอบ กล่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมงานบุญที่ยิ่งใหญ่ของชาวนครพนมว่า วันที่ 30 ต.ค.55 จะมีไฮไลต์หลายรายการ เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าจะมีการรำบูชาพระธาตุพนมที่หน้าวัดพระธาตุ พนม โดยมีนางรำจากหลายชนเผ่า ทั้งผู้ไท ไทยญ้อ ไทยกะเลิง ไทยแสก และไทยลาว โดยช่วงสุดท้ายจะเป็นการรำด้วยกัน เป็น การผสมผสานที่ลงตัว อ่อนช้อย และสวย งามมาก
ส่วนภาคเย็น นายก อบจ.นครพนม บอกว่า งานเริ่มประมาณ 19.00 น. เป็นการ ไหลเรือไฟที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีที่ใดในโลก หากอยากดูต้องมาที่นครพนม โดยการสร้างเรือไฟจะใช้วัสดุที่เป็นของโบราณทั้งหมด ใช้ไม้ไผ่ก่อเป็นฐานขึ้นไป ใช้ตะเกียงจุด ไม่ใช้หลอดไฟสมัยใหม่ ไหลให้พี่น้องได้ชมเต็มริมฝั่งแม่น้ำโขงยาวหลายกิโล เมตร ขณะเดียวกันก็มีกระทงสายไหลไปตามริมแม่น้ำโขงเช่นเดียวกันสวยงาม มาก นอกจากนี้ ก็มีมหรสพ โดยมีหมอ ลำระดับท็อปเทนของเมืองไทยมาแสดงหลายคณะ
นอกจากนี้ นครพนมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ที่ใด เช่น มีหาดทรายทองศรีโคตรบูรณ์ ที่ช่วงหน้าแล้งแม่น้ำโขงจะลดระดับลงเห็นเป็นหาดทรายสวยงามมาก ขณะเดียวกันยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เป็นบ้าน พักของท่านโฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดีเวียดนาม ที่เมื่อก่อนได้มาพักที่บ้านนาจอก พร้อมปลดปล่อยประเทศของท่านจากประเทศ ฝรั่งเศส
“ที่สำคัญเมื่อมานครพนมแล้ว สามารถเที่ยวได้ 3 ประเทศ ผ่านสะพานมิตรไทย-ลาวแห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน เป็นสะพานที่ออกแบบสวยงาม ประยุกต์ศิลปะอาณาจักร ศรีโคตรบูรณ์ และอาณาจักศรีโคตรบองของประเทศลาว สามารถข้ามไปประเทศเวียดนาม ได้ระยะทางแค่ 150 กิโลเมตร ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพี่น้องทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมงานบุญที่ยิ่งใหญ่ของชาวนครพนมได้”
สำหรับนโยบายด้านอื่นๆ “ดร.สมชอบ” บอกว่า เน้นพัฒนาคนด้วยการอบรมบุคลากร ในสังกัด อบจ.นครพนม นำผู้นำท้องถิ่นและผู้นำท้องที่ ทั้งนายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กว่า 3 พันคน อบรมหลักสูตรผู้นำ โดยการเชิญอาจารย์โสภณ ภูเก้าล้วน วิทยากรระดับประเทศ มาบรรยาย ที่ศูนย์อบรมที่ อ.หนองแสง จ.อุดรธานี
ดร.สมชอบ กล่าวว่า หลักสูตรดังกล่าว เป็นการอบรมเพื่อให้ทั้งผู้นำท้องถิ่น และผู้นำ ท้องที่ได้มีความรู้ และประสบการณ์เพื่อที่จะ นำความรู้ไปใช้ในหน้าที่ของตัวเอง ขณะเดียว กันยังมีหลักสูตรสำหรับอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.และหลักสูตรผู้นำกลุ่มสตรี เพื่อให้บุคคลเหล่านี้นำความรู้ไปใช้ในการทำงานเพื่อส่วนรวมต่อไป
“การสนับสนุนการศึกษาก็เป็นนโยบาย หลักของ อบจ.นครพนม โดยได้จัดซื้อกระดาษ อัจฉริยะหรืออิเล็กทรอนิกส์ให้กับโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่เพื่อให้นักเรียนและครูได้มีอุปกรณ์ การเรียนการสอนที่ทันสมัย สามารถแข่งขันกับนักเรียนที่อยู่เมืองใหญ่ๆ ได้”
นอกจากนี้ ยังจะทำให้นครพนมเป็นเมืองแห่งกีฬา โดยจัดตั้งโรงเรียนกีฬาขึ้นเป็นโรงเรียนกินนอน มีนักกีฬาประสบความสำเร็จหลายคน มีนักฟุตบอลติดทีมชาติจำนวนมาก โดยจะมีการจัดแข่งกีฬาฟุตบอล ฟุตซอล กีฬาวอลเลย์บอล และการแข่งขันตะกร้ออยู่ตลอด เพื่อให้การแข่งขันตลอดทั้งปี
ขณะเดียวกันยังมีนโยบายเกี่ยวกับการค้าและเศรษฐกิจชายแดน โดยจังหวัดนครพนมตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว มีเส้นทาง ผ่านไปยังประเทศเวียดนาม และประเทศจีน ทาง อบจ.นครพนม จึงจัดตั้งศูนย์พักและจำหน่ายสินค้าอินโดจีน โดยมีตลาดสดอาหาร ทะเลที่นำเข้าจากทะเลเวียดนาม ที่มีระยะทางใกล้และได้อาหารทะเลที่สดและใหม่ พี่น้องชาวอีสานก็จะได้บริโภคอาหารอหารทะเลที่สดและมีคุณภาพ โดยมีทางกรมประมงและองค์การสะพานปลา เข้ามาร่วมทำ
สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นายก อบจ.นครพนม บอกว่า ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างและปรับปรุงถนนที่รับผิดชอบทั้งถนนของ อบจ. เอง และถนนที่ได้รับการถ่ายโอนมาจาก รพช. (กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทในอดีต) และกรมโยธาธิการและผังเมือง
ส่วนการสนับสนุนอาชีพนั้น ดร.สมชอบ บอกว่า ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชน ประกอบอาชีพด้วยการยึดแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการทำนา 1 ไร่ ได้ 1 แสน โดยมีการนำร่องหลายพื้นที่ มีแปลงนา ตัวอย่างให้ประชาชนได้ศึกษาเรียนรู้ ซึ่งมีคนทำและประสบผลสำเร็จมาแล้ว
ด้านวัฒนธรรมประเพณีก็มีการสนับสนุนการจัดงานเทศกาลออกพรรษาและงานไหลเรือไฟทุกปี รวมไปถึงการจัดงานไว้พระธรตุต่างๆ ที่มีจำนวนมากในจังหวัดนครพนม ขณะเดียวกันก็สนับสนุนและอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม รวมถึงภาษาของชนเผ่าต่าง ๆ ทั้งเผ่าผู้ไทย เผ่าไทยแสก ไทยญ้อ ไทยโส้ เพื่อให้ได้ตระหนักถึงบรรพบุรุษ ถือเป็นปมเด่น เพราะชนเผ่าเหล่านี้มีภาษา และการแต่งกายเป็นของตัวเองหรือเรียกกันว่า ภาษาสระเออ เช่น ไปซิเล่อ (ไปไหนมา)
สำหรับทิศทางการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่นนั้น “ดร.สมชอบ” มองว่า ทั้งรัฐบาลที่ผ่านมา และรัฐบาลในปัจจุบันไม่มีอะไรแตกต่างกันในเรื่องการกระจายอำนาจ เพราะยังไม่มีอะไรชัดเจน อย่างเช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น 4 ฉบับ ที่รัฐธรรมนูญ กำหนดให้จัดทำหรือปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี ก็ผ่านมานานแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
ส่วนกรณีความขัดแย้งเรื่องภาษีล้อเลื่อนระหว่าง อบจ.เทศบาล และ อบต.นั้น นายก อบจ.นครพนม ให้ความเห็นว่า มีกระแสโจมตีว่า อบจ.ไม่ทำถนน ทำให้เทศบาล และอบต.มาขอแบ่งภาษีล้อเลื่อนไป ซึ่งในข้อเท็จจริงก็มีไม่กี่แห่งที่ไม่ทำถนน เพราะโครงสร้างพื้นฐานดำเนินการครบแล้ว จึงนำ งบประมาณไปทำอย่างอื่นเช่น คุณภาพชีวิต หรือการศึกษา แต่ที่ทำถนนยืนยันว่ามีถึงร้อยละ 99 และหากจะแบ่งก็ต้องปรับรื้อกันทั้งหมด ก็จะพันไปถึงภาษีตัวอื่นๆ ด้วย
“ในข้อเท็จจริง อบจ.บางแห่ง ต้องนำงบประมาณไปพัฒนาด้านการศึกษา คุณภาพชีวิต หรือนำงบประมาณไปจัดสร้างโรงพยาบาลอย่างที่ อบจ.ภูเก็ต กำลังดำเนินการ และไม่มีหลักประกันอะไรว่า เมื่อ เทศบาล และ อบต.ได้ภาษีล้อเลื่อนไปแล้วจะไปทำถนน และเมื่อได้ภาษีล้อเลื่อนไปปัญหางบประมาณก็ไม่จบ”
ดร.สมชอบให้ความเห็นว่า เมื่อเทศบาล และ อบต.งบประมาณไม่เพียงพอ ก็ต้องไปต่อสู้เอากับรัฐบาล ไม่ใช่มาเอากับ อบจ.ที่เป็นท้องถิ่นด้วยกัน ควรต่อสู้ให้ได้งบประมาณเพิ่มอย่างน้อยเพิ่มขึ้นปีละ 1 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันได้เพียงร้อยละ 27 ก็ยัง อีกไกลกว่าจะได้ครบตามที่กฎหมายกำหนด คือร้อยละ 35 ที่สำคัญ อบจ.เองก็มีงบประมาณไม่เพียงพอ อย่าง อบจ.บึงกาฬ ก็มี งบประมาณแค่ 30 ล้านบาท และถามว่า ในจังหวัดบึงกาฬมีถนนกี่ร้อยสายที่ อบจ. บึงกาฬจะต้องดูแล ที่นครพนม เอามาอีก 3 พันล้านก็ไม่พอในเรื่องถนน ดังนั้นเทศบาล และ อบต.ต้องมีมุมคิดใหม่
“สำคัญที่สุดรัฐบาลควรสนับสนุนงบประมาณให้ท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมาส่วนราชการโอนแต่ภารกิจมาให้ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้เกี่ยงอะไร เอางานมาให้เราก็จะทำให้ดีที่สุด แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องให้งบประมาณมาด้วย”
เป็นมุมคิดตรงๆ ของ “ดร.สมชอบ นิติพจน์” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม นักการเมืองท้องถิ่นที่พร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ เพื่อนำพานครพนมไปสู่ความเจริญเติบโตในทุกด้าน โดยคงความเอกลักษณ์ของเมืองนคร พนมไว้อย่างครบถ้วน ดังคำขวัญที่ว่า “พระธาตุพนมล้ำค่า วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภา งามตาฝั่งโขง”